แชร์

เช็คความเร็วรถบรรทุก ขับอย่างไรไม่ให้โดนใบสั่ง

อัพเดทล่าสุด: 20 ก.พ. 2025
54 ผู้เข้าชม

   สิงห์ขับรถบรรทุก ก่อนเตรียมตัวออกไปวิ่งรถ ต้องเช็กความเร็วรถบรรทุก  ขับอย่างไรไม่ให้โดนใบสั่ง เพื่อทำความเข้าใจ และปฏิบัติให้ถูกต้อง 
ทำไมถึงต้องกำหนดความเร็วรถบรรทุก?


        ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกและพระราชบัญญัติจราจรทางหลวง ได้กำหนดความเร็วรถสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมไปถึงรถบรรทุก เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งถนนแต่ละเส้นก็สามารถใช้ความเร็วในการขับได้ไม่เท่ากัน
ขับรถบรรทุกต้องใช้ความเร็วเท่าไหร่?


        ข้อมูลจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบท โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2564 ซึ่งได้จำแนกประเภทรถ กับความเร็วที่ขับได้บนทางหลวงแผ่นดิน หรือทางหลวงชนบท ดังนี้

  1. รถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือรถบรรทุกคนโดยสารที่บรรทุกคนโดยสาร เกิน 15 คน กำหนด ความเร็วไม่เกิน 90  กม./ชม.
  2. รถลากจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็ก รถยนต์สามล้อ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 65  กม./ชม.
  3. รถโรงเรียน หรือรถรับส่งนักเรียน กำหนด ความเร็วไม่เกิน 80  กม./ชม.
  4. รถโดยสารที่มีที่นั่งเกิน 7 คนแต่ไม่เกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็ว ไม่เกิน 100 กม./ชม.
  5. รถแทรกเตอร์ รถบดถนน รถใช้งานเกษตรกรรม  กำหนด ความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม.
  6. รถจักรยานยนต์ทั่วไป กำหนด ความเร็วไม่เกิน 80  กม./ชม.
  7. รถจักรยานยนต์ ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไป กำหนด ความเร็วไม่เกิน 100  กม./ชม.
  8. รถยนต์อื่น กำหนด ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม.
  9. รถอื่นๆ หากรถอยู่ในช่องเดินรถขวาสุด ต้องใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. เว้นแต่ในกรณีที่ช่องเดินรถนั้นมีข้อจำกัดด้านการจราจรหรือทัศนวิสัย มีสิ่งกีดขวาง หรือมีเหตุขัดข้องอื่น

ถนนแต่ละเส้นกับกำหนดความเร็วรถ


เขตกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และเขตเทศบาลทุกจังหวัด

  1. รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถรวมทั้งน้ำหนักบรรทุกเกิน 1,200 กิโลกรัม หรือรถบรรทุกคนโดยสาร จะสามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 60  กม./ชม.  แต่ถ้าสัญจรอยู่นอกเขตให้ขับได้ไม่เกิน 80 กม./ชม.
  2. รถยนต์ที่ใช้ลากจูงรถพ่วงหรือรถยนต์บรรทุกที่มีน้ำหนักรถรวม บรรทุกเกิน 1,200 กิโลกรัม หรือรถยนต์สามล้อให้ขับได้ไม่เกิน 45  กม./ชม.  หรือนอกเขตดังกล่าวให้ขับไม่เกิน 60  กม./ชม.
  3. รถยนต์อื่นๆ หรือรถจักรยานยนต์ ให้ขับได้ไม่เกิน 80  กม./ชม.  หรือนอกเขตได้ไม่เกิน 90  กม./ชม.

เส้นทางหลวงระหว่างจังหวัด

  1. รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกเกิน 1,200 กิโลกรัม ทั้งรถลากจูง รถพ่วง หรือรถบรรทุกคนโดยสาร ใช้ความเร็วในการขับได้ไม่เกิน 80  กม./ชม.
  2. รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ใช้ความเร็วในการขับได้ไม่เกิน 90  กม./ชม.
  3. รถยนต์ขณะที่ลากจูงรถพ่วงหรือรถยนต์สามล้อ ใช้ความเร็วในการขับได้ไม่เกิน 60 กม./ชม.

เส้นทางมอเตอร์เวย์และวงแหวนกาญจนาภิเษก

  1. รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรวมน้ำหนักบรรทุกเกิน 1,200 กิโลกรัม หรือรถบรรทุกคนโดยสาร ใช้ความเร็วในการขับได้ไม่เกิน 100  กม./ชม.
  2. รถบรรทุกชนิดอื่นที่นอกเหนือจากข้อ 1 รวมทั้งรถบรรทุกหรือรถยนต์ขณะที่ลากจูง รถพ่วง ใช้ความเร็วในการขับได้ไม่เกิน 80  กม./ชม.

รถยนต์อื่นนอกจากรถในข้อ 1 หรือข้อ 2 ใช้ความเร็วในการขับได้ไม่เกิน 120  กม./ชม. 
 
โทษปรับเมื่อใช้ความเร็วเกินกำหนด


        หากขับรถเร็วเกินกำหนดตามกฎหมายข้างต้น มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท โดยความผิดนั้น ๆ จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบ
เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการใช้ความเร็วที่ผิดตามกฎหมายกำหนด หากผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ควรรักษากฎระเบียบ และหมั่นสังเกตป้ายกำหนดความเร็วตามเส้นทาง และเพื่อให้ป้องกันให้ทุกการขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย 


ขอบคุณที่มา : https://www.asnbroker.co.th/campaignnews/news/63?page=19

บทความอื่นๆ ความรู้ทั่วไป รถบรรทุก ที่น่าสนใจ

 รถบรรทุกแบบไหนตอบโจทย์ธุรกิจคุณ
 7 เทคนิคการขับรถบรรทุกได้อย่างมืออาชีพ
 4 วิธีวางแผนซ่อมบำรุงรักษา รถบรรทุก
 วิธีดูแลรักษายางรถบรรทุก ยืดอายุการใช้งาน
 ดอกยางรถบรรทุกมีกี่ประเภท ยางรถบรรทุกแบบไหนป้องกันอะไรบ้าง?

 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy